วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทีเอ็มบีแจ้งผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2558


              ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนของปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจานวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เมื่อหักสำรองแล้วกำไรสุทธิมีจำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7% ส่วนในไตรมาส 2 ธนาคารฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จานวน 4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เนื่องจากสำรองที่ลดลงหลังตั้งสารองสูงในไตรมาสที่แล้ว
              เงินฝากของธนาคารขยายตัว 3.8% ในงวด 6 เดือนแรกของปี จากผลิตภัณท์เงินฝากคุณภาพประเภทต่างๆ เช่น เงินฝากไม่ประจำ (TMB No Fixed) และผลิตภัณท์ใหม่ TMB All Free ที่เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นธนาคารเพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน (transactional bank) ส่วนสินเชื่อคุณภาพ (performing loan) เพิ่มขึ้น 3.6% ในงวด 6 เดือน
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพและการบริหารต้นทุนเงินฝากที่ดี ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2558 นี้ ธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin – NIM) เพิ่มขึ้น 21bp เป็น 3.04% จาก 2.83% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 11% อีกทั้งสืบเนื่องจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดี ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 29% โดยเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเป็นหลักซึ่งเพิ่มขึ้น 49% ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวม ซึ่งธนาคารมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตได้ดี ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 3% ในขณะที่รายได้รวมเพิ่ม 16% ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 47% จาก 53% และทำให้กำไรจากการดาเนินงานหลักก่อนสำรองในงวดครึ่งปีแรกมีจานวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 30%”
           ณ สิ้นเดือนมิถุนายน สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 3.09% และสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 20,055 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 เป็นจำนวน 865 ล้านบาท หรือ 4% เทียบกับการเพิ่มขึ้นจำนวน 1,097 ล้านบาทหรือ 6% ในไตรมาสที่แล้ว โดยในครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารตั้งสำรองจำนวน 3,736 ล้านบาท ซึ่งสูงจากปีที่แล้ว 154% เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ในครึ่งปีแรกธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7% และยังคงความแข็งแกร่งของสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 146%
ในไตรมาสที่ 2 นี้ ธนาคารฯ มีเงินฝากเพิ่ม 2.0% ขณะที่สินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสที่แล้ว กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองมีจำนวน 4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 อย่างไรก็ตาม ธนาคารตั้งสำรองลดลงเป็น 1,348 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น ธนาคารได้ตั้งสำรองสูงเป็นพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงเป็นจานวน 2,387 ล้านบาท ทั้งนี้ ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสที่แล้ว

ธนาคารยังคงดำรงสถานะกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.0% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน
นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในครึ่งปีหลัง ธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวังและดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณท์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและนำเสนอบริการที่ดีเลิศให้กับลูกค้า พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ภาพข่าว: SOLAR ผนึก TMB ปล่อยสินเชื่อโครงการ “Solar Rooftop”

     


         คุณปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บมจ. โซลาร์ตรอน (SOLAR) ร่วมกับ คุณพีรพงศ์ นิธิไกรวุฒิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบรรษัทธุรกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เซ็นสัญญาโครงการความร่วมมือ "สินเชื่อประหยัดพลังงาน-Solar Rooftop" ที่อนุมัติเงินกู้ให้กับผู้ลงทุนสูงสุด 100% ผ่อนนาน 12 ปี โดยมอบหมายให้ SOLAR เป็นผู้ผลิตแผงและติดตั้งแบบครบวงจร

             ที่มา : ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net  อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2207584

ทีเอ็มบี จับมือ สภาอุตสาหกรรมฯ


       กรุงเทพฯ 7 กรกฎาคม 2558, ทีเอ็มบี และ สภาอุตสาหกรรมฯ ผนึกเจตนารมย์ร่วมช่วยเหลือ SMEs ภาคอุตสาหกรรมให้แข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ ผ่าน โครงการสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ปี 2558” มุ่งสนับสนุนด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SMEs ย้ำ!! ต้องพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ 
       นายสุพันธุ์  มงคลสุธี  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ผลักดันการยกระดับ SMEs ของไทย ให้เป็นวาระแห่งชาติ ตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 99/2557 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมฯ จึงได้จับมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับ SMEs ให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืนและสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์
          ในด้านการช่วยเหลือทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นสมาชิก สภาอุตสาหกรรมฯ จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินภาครัฐ และเอกชน ซึ่งในวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ผนึกกำลังกับ ทีเอ็มบี เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้รวดเร็วและง่ายขึ้น โดยทีเอ็มบี ได้นำเสนอข้อเสนอทางการเงิน ที่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก ส.อ.ท. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ประกอบการ SMEs ในภาคอุตสาหกรรม ที่จะเลือกใช้บริการแหล่งเงินทุนที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจต่อไป
           นายบุญทักษ์  หวังเจริญ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี  กล่าวว่า ธนาคารฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในครั้งนี้  โดยมองว่าการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน  ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน  ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติได้มากขึ้น  อีกทั้งเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวพร้อมรับมือกับสภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้  และทีเอ็มบีก็มีความพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ด้านบริการทางการเงินครบวงจร โดยธนาคารมีวงเงินสินเชื่อและสิทธิพิเศษทางการเงินสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิต

ซึ่งธนาคารได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ สนับสนุนการนำเข้า-ส่งออก หรือแม้แต่ให้วงเงินแก่ผู้แทนจำหน่าย ผ่านการสนับสนุนข้อมูลคู่ค้าโดยสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ (Buyer-Financing) นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านอื่นๆ ก็จะยังคงมีการพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสภาอุตสาหกรรมฯ และ     ทีเอ็มบี มองเห็นตรงกันว่าการสนับสนุนให้ครบทุกด้านจะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยสามารถไปต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                    ที่มา : www.tmbbank.com

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

TMB แจง H1/58 กำไรลดลง เหตุตั้งสำรองเพิ่ม รองรับความเสี่ยงศก.



นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดผยว่า ธนาคารประกาศผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนของปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจานวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เมื่อหักสำรองแล้วกำไรสุทธิมีจำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7%

"ในครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารตั้งสำรองจำนวน 3,736 ล้านบาท ซึ่งสูงจากปีที่แล้ว 154% เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ในครึ่งปีแรกธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,897 ล้านบาท ลดลง 6.7% และยังคงความแข็งแกร่งของสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 146%"

ขณะที่เงินฝากของธนาคารขยายตัว 3.8% ในงวด 6 เดือนแรกของปี จากผลิตภัณท์เงินฝากคุณภาพประเภทต่างๆ เช่น เงินฝากไม่ประจำ (TMB No Fixed) และผลิตภัณท์ใหม่ TMB All Free ที่เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นธนาคารเพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน (transactional bank) ส่วนสินเชื่อคุณภาพ (performing loan) เพิ่มขึ้น 3.6% ในงวด 6 เดือน

จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพและการบริหารต้นทุนเงินฝากที่ดี ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2558 นี้ ธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin – NIM) เพิ่มขึ้น 21bp เป็น 3.04% จาก 2.83% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 11%

อีกทั้งสืบเนื่องจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดี ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 29% โดยเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเป็นหลักซึ่งเพิ่มขึ้น 49% ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนรวม ซึ่งธนาคารมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตได้ดี ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 3% ในขณะที่รายได้รวมเพิ่ม 16% ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 47% จาก 53% และทำให้กำไรจากการดาเนินงานหลักก่อนสำรองในงวดครึ่งปีแรกมีจานวน 8,605 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 30%

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 3.09% และสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 20,055 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 เป็นจำนวน 865 ล้านบาท หรือ  4% เทียบกับการเพิ่มขึ้นจำนวน 1,097 ล้านบาทหรือ 6% ในไตรมาสที่แล้ว

ส่วนในไตรมาส 2 ธนาคารฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน  4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 และมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เนื่องจากสำรองที่ลดลงหลังตั้งสำรองสูงในไตรมาสที่แล้ว

ในไตรมาสที่ 2 นี้ ธนาคารฯ มีเงินฝากเพิ่ม 2.0% ขณะที่สินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสที่แล้ว กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองมีจำนวน 4,286 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 1 อย่างไรก็ตาม ธนาคารตั้งสำรองลดลงเป็น 1,348 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น ธนาคารได้ตั้งสำรองสูงเป็นพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงเป็นจานวน 2,387 ล้านบาท ทั้งนี้ ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาส  2 จำนวน 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสที่แล้ว

ธนาคารยังคงดำรงสถานะกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.0% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง ธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวังและดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณท์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและนำเสนอบริการที่ดีเลิศให้กับลูกค้า พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                        ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)   อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2207584

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

SOLAR ผนึก TMB ปล่อยสินเชื่อโครงการSolar Rooftop

           นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) ร่วมกับธนาคารทหารไทย (TMB) เซ็นสัญญาโครงการความร่วมมือ สินเชื่อประหยัดพลังงาน-Solar Rooftop" ที่อนุมัติเงินกู้ให้กับผู้ลงทุนสูงสุด 100% ผ่อนนาน 12 ปี โดยมอบหมายให้ SOLAR เป็นผู้ผลิตแผงและติดตั้งแบบครบวงจร

               ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)    อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2206710

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทีเอ็มบี จับมือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ


         บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด มหาชน (ทีเอ็มบี) และสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม "โครงการสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ปี 2558" ณ ห้องเดอะ เซลล่าร์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยการสนับสนุนทางการเงินให้เอสเอ็มอี ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในภาพ: (จากซ้าย) ศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI), สุพันธ์ มงคลสุธี, บุญทักษ์ หวังเจริญ และไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี

                                         ที่มา : ThaiPR.net   อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2202460

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทุนโรงเรียนสองภาษาที่วัดจากอีคิว

        ไฟ ฟ้า โดยทีเอ็มบี และโรงเรียน สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ประกาศความร่วมมือ มอบทุนจากเกณฑ์อีคิว (EQ) ครั้งแรก! ในประเทศไทยมุ่งสร้างผู้นำแห่งอนาคตอย่างยั่งยืนผู้นำอย่างยั่งยืน ควรจะต้องเป็นทั้งคนเก่งและคนดีในเวลาเดียวกัน ล่าสุด
        โครงการไฟ ฟ้า (FAI-FAH) โดยทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ประกาศความร่วมมือทางการศึกษาพัฒนาศักยภาพเยาวชนไฟ ฟ้า (FAI-FAH) กับโครงการมอบทุนการศึกษาหลักสูตรสองภาษาของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไฟ ฟ้า นับเป็นครั้งแรก! ในประเทศไทย ที่เปลี่ยนแนวทางการคัดเลือกโดยใช้เกณฑ์อีคิว (EQ หรือ Emotional Quotient) หรือการวัดเกณฑ์ความฉลาดทางอารมณ์ ตระหนักรู้ตนเอง ควบคุมตนเอง ความเป็นผู้นำ จิตสาธารณะ ฯลฯ เป็นหลักในการมอบทุนตามแนวคิดทีเอ็มบี Make THE Difference หรือเปลี่ยน...เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ณ โรงแรมอนันตรา สยาม ถนนราชดำริ

       ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนไฟ ฟ้า ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้งไฟ ฟ้า และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรังสิต ต่างมีวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาอย่างยั่งยืนให้กับเยาวชนไทย โดยเยาวชนไฟ ฟ้า ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวนไปจนสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต รวมจำนวน 4 ทุน
ภารไดย ธีระธาดา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ทีเอ็มบี กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจอย่างมากจากความพยายามของทีเอ็มบี ที่ได้ก่อตั้ง "ไฟ ฟ้า" ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยเป็นโครงการซีเอส อาร์ของธนาคาร ที่มอบโอกาสและปลูกฝังเยาวชนอายุ 12-19 ปี เพื่อสร้างสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้กิจกรรมสร้างสรรค์แขนงต่างๆ เราสอนเยาวชนให้รู้จักการจับปลาแทนการให้ปลา จนสามารถผลิตเยาวชนที่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำ วันนี้เราช่วยกันส่งเยาวชนให้ถึงฝั่ง ได้ต่อ ยอดการเรียนรู้จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และรู้สึกขอบคุณในความร่วมมือจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิตที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน บุคลากรที่ดีนั้น ควรจะต้องเป็นทั้งคนดีที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคม คิดถึงส่วนรวม ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว

       ดร.อภิรมณ อุไรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้จัดการโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า โครงการไฟ ฟ้า เป็นโมเดลที่ดีที่ช่วยกระจายโอกาสทางการศึกษาได้อย่างทั่วถึง ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของโรงเรียนในการสร้างผู้นำ โดยไม่ต้องจำกัดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นการมอบทุนนี้จึงไม่ได้จำกัดเงื่อนไขของทุน แต่พิจารณาที่เกรดเฉลี่ยเพียงอย่างเดียว
      เป็นการพิจารณาจากการประเมินอีคิว การรู้จักตัวเอง ควบคุมตัวเอง ทัศนคติ ความเป็นผู้นำ จิตสาธารณะ ฯลฯ เป็นต้นทุนที่ดีเพื่อการเรียนรู้ เพราะถ้าเยาวชนมีความสุขในการเรียนจะเป็นแรงกระตุ้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Life Long Learning ควบคู่ไปกับการพัฒนาตนเอง เพื่อนำองค์ความรู้กลับมาใช้ในการพัฒนาสังคม ประเทศชาติ ตลอดจนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน"
    มาฟังทัศนะเยาวชนไฟ ฟ้า ที่ได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวน ระดับชั้นมัธยมปลายในระบบสองภาษาของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต จำนวน 4 ทุน

    เฟร้น-วรัญญา และฟราย-วริศรา แสงบุตร เยาวชนไฟ ฟ้า ประดิพัทธ์ แฝดพี่น้อง อายุ 15 ปี ได้รับทุนเข้าเรียนในชั้น ม.4 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่ามีพี่สาวอีกคน ยังเรียนหนังสือที่โรงเรียนศรีอยุธยา ทั้งครอบครัวอยู่กัน 4 คนกับคุณแม่ที่เป็นช่างเสริมสวย ดูแลลูกคนเดียว มาเป็นเยาวชนไฟฟ้าได้ 2 ปีแล้ว โดยเรียนวิชาศิลปะ จุดเริ่มต้นที่เข้าโครงการก็เพราะเพื่อนชวน ผลที่ได้จากการได้เรียนที่ไฟ ฟ้า ทำให้จากที่ไม่รู้อะไรเลย หรือเป็นศูนย์ จนกลายเป็นมือโปร ได้ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะกิจกรรมเพื่อชุมชน ได้พิสูจน์ตัวเอง ได้รู้จักตัวเอง

"ส่วนที่ได้ทุนคิดว่าน่าจะมาจากการเข้าเรียนและทำกิจกรรมสม่ำเสมอที่ไฟ ฟ้า ดีใจมากที่เราทั้งสองคนได้ทุนนี้ค่ะ ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนสาธิตฯ เดือนมิถุนายน ต้องปรับตัวมากกับการเรียนสองภาษา สมัยก่อนชอบวิ่งหนีฝรั่ง วันนี้ต้องวิ่งเข้าหาอาจารย์ พยายามพูดโดยไม่กลัว เพราะเราอาจจะช้ากว่าเพื่อนที่เรียนสองภาษาตั้งแต่มัธยมต้น อ่านคำศัพท์ให้รู้จักคำมากขึ้น หลายๆ ครั้งที่จะพูดแต่คิดคำศัพท์ไม่ออก กลับหอก็ทำการบ้านและทบทวนเรื่องภาษาทุกวัน" โดยแฝดพี่เผยว่าอยากจะเป็นตำรวจ "ส่วนน้องฟรายอยากจะเป็นศิลปิน" เฟร้นแฝดพี่เล่า
     กอล์ฟ-สุทธิพร อ่อนกลาง เยาวชนไฟ ฟ้า ประดิพัทธ์ อายุ 18 ปี ได้รับทุนเข้าเรียนในชั้น ม.6 กล่าวว่า จริงๆ แล้วสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐบาล แต่ตัดสินใจเลือกทุนนี้และยอมเรียนซ้ำชั้น ม.6 เนื่องจากที่บ้าน พ่อทำงานรัฐวิสาหกิจ ต้องเลี้ยงลูกถึง 4 คน กอล์ฟเป็นลูกคนที่ 2 พี่สาวยังเรียน
     มหาวิทยาลัยปี 2 มีน้องอีก 2 คนที่ต้องเรียนหนังสือ ทุนนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของที่บ้านได้อย่างมาก
"ผมได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนไฟ ฟ้า ประดิพัทธ์กว่า 4 ปีแล้ว ที่เข้ามาเพราะอยากจะมีความสามารถพิเศษด้านดนตรี ชอบเล่นกีตาร์ รู้สึกประทับใจกับพี่ๆ และครูอาสาสมัครไฟ ฟ้า ที่สอนอย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกว่าการเรียนน่าเบื่อ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้อยากจะเป็นครูสอนดนตรี อยากจะถ่ายทอดวิชาที่เราเรียนมาให้เด็กๆ ส่วนการเรียนแบบสองภาษาที่โรงเรียนสาธิตฯ เราก็ต้องค่อยๆ ปรับตัว รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ทุกวันก็ได้คำศัพท์ใหม่อย่างน้อย 5-10 คำจากการเรียนดนตรีกับครูชาวอังกฤษ ถ้าฟังไม่ทันก็ไม่อายที่จะถามครูฝรั่ง" กอล์ฟพูดถึงความประทับใจ

     การ์ด-กิตติพจน์ เชื้อดี เยาวชน ไฟ ฟ้า จันทน์ อายุ 15 ปี เข้าเรียนชั้น  ม.4 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า "รู้จักไฟ ฟ้า เพราะกลุ่มเพื่อนชวน ขณะนั้นกำลังเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม และเป็นคนชอบเก็บตัวอยู่ในบ้าน พอเข้าร่วมทำกิจกรรมโครงการไฟ ฟ้า แล้วทำให้กลายเป็นคนที่กล้าแสดงออก กิจกรรมของไฟ ฟ้า ที่สนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผมได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ทั้งการเต้นและขับร้อง เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนักเรียนของโรงเรียนทวิภาษา ทำให้ผมต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถเข้ากับสังคมและการเรียนรูปแบบใหม่ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีเพราะมีเพื่อนร่วมชั้นและคุณครู รวมถึงพี่อาสาสมัครไฟ ฟ้า ที่คอยช่วยเหลือ ผมวางเป้าหมายในอนาคตว่าอยากเป็นสจ๊วต และมั่นใจว่าการเรียนแบบสองภาษา ที่ได้ต่อยอดจากโครงการไฟ ฟ้า จะทำให้เป็นการเข้าใกล้ความฝันอันเป็นจุดหมายของชีวิตเข้าไปอีกก้าว"

     ความร่วมมือระหว่างไฟ ฟ้า โครงการซีเอสอาร์ของทีเอ็มบี และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิตครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของสถาบันการศึกษาชั้นนำและธุรกิจเอกชน ที่จะสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้รับการศึกษาที่ดี มีมาตรฐานสูง เพื่อจะได้พัฒนาตนเอง ครอบครัว และสังคมให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าในวันนี้ รวมทั้งเป็นการร่วมมือกันเพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศที่มีทักษะและความสามารถในหลากหลายสาขาต่อไป.

ที่มา : ข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์   อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2202460